ทำความรู้จักหุ่นยนต์ เทคโนโลยีเสมือนจริง และการทดสอบที่ช่วยพัฒนา ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ให้ปลอดภัยจนได้ ANCAP 5 ดาว

ทำความรู้จักหุ่นยนต์ เทคโนโลยีเสมือนจริง และการทดสอบที่ช่วยพัฒนา  ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ให้ปลอดภัยจนได้ ANCAP 5 ดาว

  • ฟอร์ดใช้หุ่นยนต์ 3 ตัว ช่วยวิศวกรทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูง (ADAS) อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งระบบป้องกันการชนพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ ระบบตรวจจับรถในจุดบอด รวมถึงระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง และอื่นๆ อีกมากมาย
  • วิศวกรฟอร์ดยังทดสอบการชนของรถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงกว่า 150 ครั้ง ควบคู่กับการทดสอบชนจริงกว่า 100 ครั้ง
  • โครงสร้างตัวถังของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงเพื่อมอบความปลอดภัยเหนือระดับสำหรับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

 


       ที่สนามทดสอบของฟอร์ดในประเทศออสเตรเลีย เรย์ โรซี และโรแบร์โต คือหุ่นยนต์ซึ่งเป็นสมาชิกสำคัญในทีมพัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยของฟอร์ดที่มีส่วนช่วยพัฒนาระบบป้องกันการชน และเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงมากมายเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่

       ระหว่างการทดสอบฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ii หุ่นยนต์ทั้ง 3 ตัว ทำงานในสภาวะเสี่ยงอันตรายและยังทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยพักเพียงช่วงสั้นๆ เพื่อชาร์จแบตเตอรี แถมยังไม่ต้องพักรับประทานอาหารกลางวันด้วย

       หุ่นยนต์อัจฉริยะ 3 ตัวนี้ทำหน้าที่ทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ของฟอร์ด ทั้งระบบป้องกันการชนพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ ระบบตรวจจับรถในจุดบอด ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลังi  และอื่นๆ อีกมากมาย

       หุ่นยนต์แต่ละตัวมีบทบาทแตกต่างกันในการทดสอบเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ โดย ‘โรซี’ เป็นหุ่นยานพาหนะจำลองสำหรับทดสอบการชน (Guided Soft Target Vehicle หรือ GST) ‘เรย์’ รับหน้าที่เป็นผู้ใช้ถนนที่มีความเสี่ยงต่ออันตราย (Vulnerable Road User หรือ VRU) และ ‘โรแบร์โต’ เป็นหุ่นยนต์ขับรถ ดังนั้น หุ่นยนต์เหล่านี้จึงช่วยให้ฟอร์ดมั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูง (ADAS)i ของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ จะทำงานได้ดีเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน ทั้งจากยานพาหนะ คนเดินเท้า และผู้ขับขี่จักรยาน

       เชท ยาคุปิติยาจ วิศวกรด้านเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงของฟอร์ด กล่าวว่า “หุ่นยนต์ 3 ตัวนี้ช่วยให้เราทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงi ได้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการใช้ถนนร่วมกับรถคันอื่นๆ การจราจรบริเวณทางแยก จำลองรูปแบบคนเดินเท้า ผู้ขับขี่จักรยาน และอีกหลายสถานการณ์ อีกยังช่วยร่นเวลาทดสอบให้สั้นลง และทดสอบได้ทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่าเคย”

       ในอดีตวิศวกรด้านเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงของฟอร์ด ต้องใช้รถจำลองแบบมีสายกระตุกเพื่อทดสอบและปรับแต่งระบบ เช่น ระบบป้องกันการชนพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) แต่ข้อผิดพลาดของคนขับและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจก็อาจทำให้ผลการทดสอบคลาดเคลื่อนจนต้องยืดระยะเวลาในการทดสอบออกไป แต่หุ่นยนต์ 3 ตัวนี้ทำให้การทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ทำได้หลากหลายขึ้นทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน รวมทั้งยังปรับความแม่นยำได้ในระดับเซนติเมตร

       หุ่นยนต์โรซี และเรย์ เชื่อมต่อกับรถทดสอบได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่ารถคันนั้นจะขับด้วยหุ่นยนต์โรแบร์โต หรือโดยวิศวกร เพื่อจำลองสถานการณ์ที่ซับซ้อนระหว่างการทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงi

       เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เสร็จสมบูรณ์ โรซี หรือหุ่นยนต์ GST จะมีเรดาร์เสมือนรถยนต์จริง ทำให้ทดสอบระบบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ขั้นสูงในสถานการณ์จริงได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบต่างๆ เช่น ระบบป้องกันการชนพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทำงานได้อย่างเหมาะสม


       ในขณะที่โรแบร์โต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขับรถที่มีเทคโนโลยีควบคุมการเคลื่อนไหวอย่างซับซ้อนเพื่อผสานการทำงานอย่างแม่นยำระหว่างหุ่นยนต์โรซีและเรย์ ได้ติดตั้งไว้ในรถยนต์ทดสอบเพื่อควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง นอกจากนี้เพื่อความปลอดภัย วิศวกรฟอร์ดจะนั่งประจำที่นั่งคนขับเพื่อช่วยควบคุมรถทดสอบเมื่อจำเป็น ในขณะที่วิศวกรอีกคนคอยสังเกตการทำงานของโรซีและเรย์ และเข้าควบคุมแทนได้เมื่อจำเป็น

       ขณะที่ เรย์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ใช้ถนนที่อาจเสี่ยงอันตราย มาพร้อมเครื่องปล่อยตัวเพื่อสวมบทบาทเป็นคนเดินถนน เด็ก และผู้ขับขี่จักรยาน ได้ทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน

       “บทบาทของเรย์คือการจำลองเป็นเด็กที่วิ่งผ่านหน้ารถที่จอดอยู่ ผู้ขับขี่จักรยาน หรือแม้กระทั่งคนเดินเท้าที่อาจเดินตัดหน้ารถในเวลากลางคืน เพื่อนร่วมงานของผมในประเทศอื่น ๆ ก็ใช้หุ่นยนต์แบบเดียวกันในการทดสอบ ทำให้เราแบ่งปันข้อมูลและสถานการณ์การทดสอบระหว่างกันได้ ที่ผ่านมาเรามีการทดสอบในออสเตรเลียเพื่อส่งข้อมูลให้แก่ทีมในยุโรปและอเมริกาด้วย เพื่อให้เทคโนโลยีช่วยขับขี่ของเราได้มาตรฐานตามเกณฑ์การทดสอบที่เข้มงวดของฟอร์ดและเกณฑ์ NCAP ทั่วโลก” เชท กล่าวต่อ

       “หุ่นยนต์เรย์ โรซีและโรแบร์โตไม่เพียงช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสม่ำเสมอมากขึ้นในการทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่ที่ซับซ้อน แต่ยังช่วยให้เราจำลองสถานการณ์ได้เสมือนจริงยิ่งกว่าเดิม เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ขั้นสูงของฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่จะรองรับทุกสถานการณ์บนท้องถนนได้แทบทุกรูปแบบ” เชท กล่าวเสริม

มุ่งส่งมอบความปลอดภัยเหนือระดับให้ผู้ใช้รถ

       ทีมความปลอดภัยและทีมพัฒนาเทคโนโลยีช่วยขับขี่ของฟอร์ด ทุ่มเทใส่ใจพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ให้มีความปลอดภัยที่เหนือชั้น นับตั้งแต่การทดสอบกายภาพที่ศูนย์ทดสอบการชนของฟอร์ดทั่วโลก ไปจนถึงการทดสอบชนด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริงหลายพันชั่วโมง และการใช้หุ่นยนต์ทดสอบเทคโนโลยีช่วยขับขี่

      ฟรังโก โมราส ผู้จัดการด้านความปลอดภัยรถยนต์ฟอร์ด กล่าวว่า “โครงสร้างห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง เพื่อให้ห้องโดยสารมีความปลอดภัย วัสดุที่ใช้บริเวณเสา A ด้านหน้าคนขับ และเสา B ระหว่างห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลัง รวมถึงเสา C บริเวณกระจกหลังรวมถึงขอบประตูด้านล่าง ทำจากเหล็กกล้าที่แข็งแรง เพื่อช่วยกระจายแรงปะทะออกจากตัวผู้โดยสาร”

วิศวกรของฟอร์ดใช้ข้อมูลทั้งจากการทดสอบเสมือนจริงและการทดสอบกายภาพ ในการวิเคราะห์เพื่อพัฒนาความปลอดภัยสูงสุด

      ฟอร์ดใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพื่องานวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) มาสร้างและวิเคราะห์รถฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่กว่า 150 คัน โดยจำลองการชนในหลากหลายสถานการณ์ เช่น การเฉี่ยวชนด้านหน้า การกระแทกจากด้านหลังและด้านข้าง นอกจากนี้ยังจำลองสถานการณ์การชนแบบที่มีผู้โดยสารอยู่ภายในรถหลายสิบครั้ง เพื่อวิเคราะห์ความเสียหายและการซ่อมแซมชิ้นส่วนขนาดเล็ก และการปกป้องผู้โดยสารในทุกช่วงวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงการชนด้วยความเร็วต่ำที่อาจพบบริเวณลานจอดรถ

      “ก่อนที่จะสร้างรถต้นแบบขึ้นมา เราได้ทดสอบ ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อดูการชนจนรถเสียหายทั้งคัน ซึ่งทำให้เราปรับปรุงโครงสร้างสถาปัตยกรรมของรถได้รวดเร็ว เพื่อพัฒนารถยนต์ฟอร์ดที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น” ฟรังโก กล่าว


       นอกจากนี้ ทีมวิศวกรยังนำรถยนต์ฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ทั้งสองรุ่น ไปทดสอบการชนจริงอีกหลายสิบครั้ง โดยจำลองการชนด้วยรถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ต ไปจนถึงหุ่นจิงโจ้จำลองที่ถูกชนในขณะรถวิ่งด้วยความเร็วสูง รวมถึงการชนกับรถอีกคัน โดยรวมแล้ว วิศวกรฟอร์ดทดสอบการชนรอบคันกว่า 100 ครั้ง และยังทดสอบการชนแบบรางเลื่อนอีกหลายร้อยครั้งเพื่อจำลองการชนตลอดทั้งคันขณะมีผู้โดยสารนั่งอยู่ภายใน และยังมีการทดสอบย่อยๆ และการทดสอบความปลอดภัยของชิ้นส่วนต่างๆ อีกหลายร้อยรายการ

Tags :

view