ทดลองขับใช้งานจริง Toyota Hilux Revo Rocco ทั้งทางเรียบและทางลุย

ทดลองขับใช้งานจริง Toyota Hilux Revo Rocco ทั้งทางเรียบและทางลุย

          หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วต่อด้วยการได้ทดลองขับกันแบบพอหอมปากหอมคอที่ TOYOTA Driving Experience Park มาแล้ว ครั้งนี้เรา “speedxonline” ก็ได้มีโอกาสรับเจ้า Toyota Hilux Revo Rocco ใหม่ มาทดลองขับกันแบบจริงจังทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกลข้ามจังหวัด อย่างที่เคยได้ทดลองขับในสนามทดสอบที่ TOYOTA Driving Experience Park กันมาแล้วต้องยอมรับเลยว่า  Toyota Hilux Revo Rocco ได้รับการปรับปรุงหลายๆจุดจนขับได้ “ดี” กว่าตัวก่อนพอสมควร ทั้งในส่วนทาง Off Road และในส่วนของ On Road และครั้งนี้เราจะลองมาขับใช้งานกันยาวๆทั้งในเมืองและนอกเมืองกัน ซึ่งน่าจะเห็นหรือรู้สึกอะไรที่มากกว่าการได้ทดลองขับในสนามนะครับ

          เมื่อรับเจ้า Toyota Hilux Revo Rocco จากแถวบางนาแล้วเราก็จัดการขับลุยสภาพการจราจรที่คับคั่งบนท้องถนนกันเลย สัมผัสแรกต้องยอมรับเลยว่า Revo Rocco ใหม่ ออกแบบหน้าตามมาได้สวยงามและทันสมัยขึ้นกว่าตัวก่อนพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นสีใหม่ โคมไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED กระจังและกันชนหน้าออกแบบใหม่ดุดันมากขึ้น โป่งล้อใหม่ทรงสวย ด้านหลังสวยงามและพรีเมี่ยมด้วยสปอร์ตบาร์ทรงสวย เล่นสีเมทัลลิกเข้าชุดกับโป่งล้อหลัง มาพร้อมไฟ LED 3 จุด ส่วนของฝาท้ายมีไฟเบรกดวงที่ 3 พร้อมกล้องมองหลังในตัว จุดเด่นอีกอย่างคือตัวฝาท้ายติดตั้งเหล็กแท่งสปริงคล้ายทอร์ชั่นบาร์เป็นตัวช่วยผ่อนแรงทั้งตอนเปิดและปิดอันนี้ลองแล้วถือว่า “โอเค” กับใช้งานดี

          มุดเข้ามานั่งในตัวรถ โดยรวมเล่นโทนสีดำดูสวยงามตามสมัยนิยมดี ตำแหน่งท่านั่งสำหรับผู้ขับสามารถปรับได้อย่างละเอียดจนรู้สึกสบายและขับเจ้า Revo Rocco ได้อย่างถนัดมือมาก จากพวงมาลัยปรับสูง-ต่ำ และ ใกล้-ไกล ได้ ตัวเบาะนั่งก็ยังปรับด้วยไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทางอีก ทัศนวิสัยรอบคันถือว่า “ดี” สามารถมองสภาพการจราจรรอบๆคันได้อย่างชัดเจน ตรงจุดนี้ถือว่าช่วยให้ทุกการเดินทางมีความปลอดภัยสูง ตัวเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังแท้และออกแบบให้รู้สึกนั่งได้อย่างสบาย พวงมาลัยดีไซน์สวย จัดวางปุ่มควบคุมต่างๆให้ใช้งานได้ง่ายดี ซ้ายคุมเครื่องเสียง ขวาคุมตัวช่วยการขับขี่ที่จำเป็น ส่วนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะเป็นก้านโผล่มาที่ด้านขวาหลังพวงมาลัยซึ่งนานๆใช้ทีอยู่ตำแหน่งนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

           ส่วนมาตรวัดก็ดีไซน์มาให้อ่านง่ายและแสดงผลอย่างครบถ้วนตามที่จำเป็นในการใช้งาน จอสัมผัสแบบ 8 นิ้ว ใช้งานได้ง่ายและไม่ซับ  ซ้อน แถมยังรองรับระบบ Apple CarPlay อีกด้วย ถัดลงมาเป็นแผงควบคุมระบบปรับอากาศซึ่งเป็นแบบอัตโนมัติ หน้าตาใช้งานง่าย ไม่ไฮเทค แต่ก็ “เย็น” เพียงพอต่อการใช้งานในบ้านเรา  ถัดลงมาเป็นที่อยู่ของปุ่มควบควบคุมสำหรับลุยอย่าง ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) และปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อน H2 ขับเครื่อง 2 ล้อความเร็วสูง ใช้ขับขี่บนถนนปกติ H4 ขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วสูง ใช้ตอนวิ่งขณะฝนตกหรือเป็นทางลื่น และ L4 ขับเคลื่อน 4 ล้อความเร็วต่ำ ใช้ตอนวิ่งช้าๆลุยโคลนหรือทางที่ทุรกันดารมากๆ ส่วนคอนโซลกลาง คันเกียร์ทรงสวยมีโหมดตำแหน่งเกียร์ครบๆ แถมยังมีตำแหน่ง S ที่สามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ได้ตามความต้องการอีกด้วย ข้างๆยังเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุมโหมดการขับขี่ ECO กับ POWER ที่ช่วยเพิ่มความประหยัด กับ เพิ่มความเร้าใจ ในการขับขี่เจ้า   Revo Rocco ใหม่

         ห้องผู้โดยสารด้านหลังของเจ้า Revo Rocco แบบ Double Cab ที่เรารับมาถือว่าค่อนข้างกว้างขวางเลยทีเดียว ผู้โดยสารที่สูงระดับ 180 ซม. ยังคงนั่งได้อย่างสบาย ระยะเหนือศีษระยังเหลืออีกเยอะ ส่วนพื้นที่วางขาก็ยังมีเหลืออีกเล็กน้อยซึ่งก็พอเพียงแล้ว เบาะนั่งตรงกลางดึงออกมายังมีที่วางแขนอีก ที่สำคัญสำหรับใช้งานในเมืองร้อนบ้านเรายังมีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังอีกด้วย

          เริ่มลุยกับสภาพการจราจรที่คับคั่งของถนนย่านบางนา การออกตัวค่อนข้างทันใจ สามารถพุ่งตามรถคันหน้าได้ดี ไม่หนืดหรืออืดอาดแต่อย่างใด การเร่งแซงหรือมุดตามสภาพการจราจรก็ยังทำได้ดี การทำงานของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ปรับมาใหม่ทำงานสอดคล้องกับเครื่องยนต์ได้ดี เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล แต่ยังคงมีรอยต่อการทำงานของเกียร์ให้รู้สึกบ้างนิดหน่อย ไม่ราบรื่นเหมือนคู่แข่งหลายๆค่าย แต่ก็ยังอยู่ในส่วนที่พอรับได้นะ ผ่านถนนช่วงซ่อมผิวการจราจร  Revo Rocco สามารถสัมผัสถึงความนุ่มนวลกว่าตัวเดิมได้อย่างชัดเจนทั้งในส่วนด้านหน้าและด้านหลัง อาการ “ดีด” แบบตัวก่อนได้หายไปจนเกือบหมดเลยทีเดียว แต่พอถึงช่วงคอสะพานในส่วนของด้านหน้ากลับรู้สึกถึงความนุ่มนวลที่ “มาก” เกินไปนิด คือมีอาการเหมือนความ “หนืด” ของช็อคฯอับน้อยไปหน่อย ทำให้เวลาขึ้น-ลงเนินหรือคอสะพานตัวรถจะหยุดการเด้นขึ้น-ลง ได้ช้าไปหน่อย ซึ่งผู้ขับรถบางคนอาจไม่ชอบแต่คนขับส่วนใหญ่มักชอบความ “นุ่ม” ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนช่วงล่างโดยรวมยังคงเกาะถนนดีไม่มี “เป๋” ไปทางซ้ายหรือขวาแต่อย่างใด ส่วนช่วงล่างด้านหลังก็ปรับใหม่ให้รู้สึกนุ่มนวล ไม่แข็งกระด้าง การทำงานของช็อคฯอับค่อนข้างลงตัวดี และรู้สึก “หนึบ” กว่าด้านหน้า โดยรวมรวมหน้ารู้สึกนิ่มไปหน่อย ส่วนหลังค่อนข้างโอเคแล้ว   

           การบังคับควบคุมพวงมาลัยช่วงความเร็วต่ำถือว่าปกติ จากที่เคยลองขับครั้งแรกที่ TDEX รู้สึกว่าพวงมาลัย “หนัก” ไปหน่อย พอใช้งานจริงกลับรู้สึกปกติและใช้งานได้อย่างดี ไม่ได้รู้สึก “หนัก” เหมือนตอนที่ได้สัมผัสครั้งแรก การบังคับรถเปลี่ยนเลนไป-มาทำได้แม่นยำละฉับไวดี  ระบบเบรกรู้สึกว่ามีความ “กระตืนรือร้น” ดีมาก เมื่อเริ่มแตะแป้นเบรกจะรู้สึกถึงการ “ดึง” นิดๆ พอเพิ่มแรงเหยียบไปได้หน่อยก็รู้สึกถึงแรงดึงที่มากขึ้นแบบสั่งได้ ตัวรถก็สามารถลดความเร็วได้อย่างทันใจและไม่มีอาการเป๋แต่อย่างใด สรุปการใช้งานในเมืองของเจ้า Revo Rocco ใหม่ สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่ที่คราวนี้มีมาให้อย่างเต็มที่ รวมถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ที่ปรับปรุงมาใหม่จนรู้สึกออกตัวง่าย อัตราเร่งทันใจ ส่วนอัตราสิ้นเปลืองในเมืองตามที่แจ้งบนมาตรวัดอยู่ที่ 10.5 กม./ลิตร ก็ถือว่าอยุ่ในระดับที่รับได้

           ต่อมาถึงช่วงขับเดินทางไกลข้ามจังหวัด เราจะเดินทางจาก กรุงเทพฯมุ่งสู่สระบุรีและต่อด้วยนครราชสีมา จากนั้นก็วกเข้าลพบุรี สระบุรี และสุดท้ายเข้าสู่กรุงเทพฯ ระยะทางโดยรวมก็แตะๆ 500 กม. เมื่อเริ่มออกสู่ถนนนอกเมือง เครื่องยนต์ใหม่ GD เจเนเรชั่น 2 “GD Super POWER” ความจุ 2.8 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน – เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี i-ART ควบคุมการจ่ายน้ำมัน ที่มีระบบเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ที่ควบคุมแต่ละหัวฉีดอย่างอิสระ ปั๊มคอมมอนเรลแรงดันสูง 250 MPa (สามารถใช้กับน้ำมัน B10 และ B20 ได้) ระบบเกียร์เป็นแบบอัตโนมัติ 6 สปีดที่ได้รับการปรับปรุงมาใหม่


          ทั้งหมดนี้ทำให้เจ้า Revo Rocco คันนี้ใช้งานเดินทางไกลได้อย่างลงตัว อัตราเร่งแซงทำได้ดี ยิ่งช่วงถนนเป็นแบบ 2 เลนสวนกันได้อย่างนี้ยิ่งทำให้เห็นจุดเด่นด้านนี้อย่างชัดเจน การไต่ความเร็วเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ช่วยให้เกิดความปลอดภัยในทุกช่วงความเร็วและการเร่งแซง การทำงานของเกียร์ช่วงที่ต้อง “เค้น” สมรรถนะก็ถือว่า “โอเค” การเปลี่ยนเกียร์ฉับไวและมีอาการกระชากของการทำงานน้อย การทรงช่วงความเร็วสูงค่อนข้างนิ่งและมั่นคง อาจจะมีอาการโยนในส่วนด้านหน้ามากไปหน่อย แต่ก็ถือว่าพอรับได้ถ้าใช้งานแบบ “ชาวบ้าน” ทั่วไป ด้านท้ายช่วงเปลี่ยนเลนไป-มาถือว่า “นิ่ง” ไม่มีอาการดีดดิ้นแบบตัวก่อน การบังคับควบคุมพวงมาลัยช่วงความเร็วสูงมีระบบแปรผันน้ำหนักตามระดับความเร็วเลยสร้างความมั่นใจในการขับได้เยอะ

          การทำงานของระบบเบรกที่ต้องมีการเบรกหนักๆหลายช่วงในการเดินทาง Revo Rocco ก็ยังทำได้ดี สามารถชะลอความเร็วให้ลดลงได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล อีกทั้งยังสามารถ “สั่ง” ได้ตามน้ำหนักการเหยียบที่เรากดลงไป การเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูงตัวรถยังคงเข้าโค้งได้อย่างมั่นคงและเกาะถนนได้อย่างดี แต่จากช่วงล่างด้านหน้าที่รู้สึก “นิ่ม” ไปนิด ก็เลยต้องลดความเร็วลงอีกหน่อย  Revo Rocco ก็จะสามารถเข้าโค้งได้อย่างไม่ “หวิว” แล้ว อัตราเร่งช่วงขึ้นเขายังคงทำได้ดี แรงม้ากับแรงบิดติดตัวมาเยอะเลยไม่มีความลำบากใจ เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักคันเร่งลงไปจากเดิมอีกหน่อย Revo Rocco ก็จะพุ่งทะยานอย่างทันใจและไม่อีดอาด

         สรุปการเดินทางไกลบนถนนทางเรียบ อัตราเร่งแซงที่ได้ปรับปรุงมสมรรถนะมาใหม่โดยรวมมาใหม่ผลออกมาถือว่า “ดี” เร่งแซงได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย การบังคับควบคุมตัวรถโดยรวมถือว่า “ดี” น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี การเลี้ยวไม่ว่าจะเป็นโค้งกว้างหรือแคบทำได้ดั่งใจ ช่วงล่างและระบบกันสะเทือนเกาะถนนได้มั่นคง ตัวรถมีอาการเหมือน “ย้วย” ในด้านหน้าแต่ก็ยัง “เอาอยู่” ทุกเส้นทาง ความนุ่มนวลมีให้สัมผัสเยอะขึ้น การ “ดีด” ที่เจอในรุ่นก่อนลดลงไปเยอะ ระบบเบรกสั่งได้ตามน้ำหนักเท้า ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองยามเดินทางนอกเมืองด้วยความเร็วไม่เกินที่กฏหมายกำหนดทำได้ 13.5 กม./ลิตร (จากสภาพเส้นทางเป็นเขาและเนินเกือบ 40% ของระยะทางทั้งหมด)

         เมื่อลองขับเส้นทางเรียบทั้งในเมืองและนอกเมืองแล้วคงต้องลองเส้นทางธรรมชาติแบบ Off Road กันบ้าง สภาพเส้นทางที่ทดลองขับกันเป็นภูเขาหินที่กำลังมีการปรับภูมิทัศน์ใหม่เลยมีเส้นทางขรุขระให้เราได้ลองขับเจ้า Revo Rocco กัน ช่วงแรกเราลองปรับไปใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตำแหน่ง H4 ที่สามารถใช้ความเร็วสูงหน่อยได้ ออกตัวไปรู้สึกถึงความมั่นคงและการเกาะถนนที่ดีอย่างรู้สึกได้ การลื่นไถลของตัวรถมีน้อย กำลังของเครื่องยนต์เหลือเฟือสามารถพาตัวรถวิ่งไปในเส้นทางขรุขระได้อย่างไม่อืดอาดเลย ส่วนการบังคับพวงมาลัยยังคงง่ายและเบาแรง การเลี้ยวโค้งมุมแคบไม่มีอาการ “ฝืน” เหมือนกับรถรุ่นก่อนๆ

          ระบบช่วงล่างใหม่ SuperFlex ช่วยให้การขับขี่มีความมั่นคงขึ้น ระบบกันสะเทือนที่บนทางเรียบรู้สึกว่านุ่มนวลไปหน่อยพอเจอกับทางขรุขระกับรู้สึกถึงความลงตัว การสั่นสะเทือนจากสภาพเส้นทางถูกส่งต่อมาถึงในห้องโดยสารน้อยมาก ระบบกันสะเทือนสามารถ ซับ” การกระแทกหรือการสั่นสะเทือนได้ดีมาก อาการดีดดิ้นของตัวรถมีน้อย ผ่านช่วงหลุมหรือเนินลูกระนาด Revo Rocco ก็ยังผ่านไปได้อย่างน่าประทับใจ ยิ่งมีตัวช่วยอย่าง ระบบ Acceleration Characteristic ลดอาการกระชากเมื่อออกตัว ระบบลดรอบเดินเบา  ระบบ Auto Limited Slip Differential ระบบแสดงทิศทางล้อ อันนี้ถือว่าจำเป็นมากเวลาขับในเส้นทาง Off Road  ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill – start Assist Control) ช่วยเพิ่มแรงดันเบรกไปยังล้อทั้ง 4  เพื่อป้องกันการลื่นไถลลงเนินชันหรือทางลื่น ขณะถอนเท้าออกจากเบรก ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน DAC (Downhill Assist Control) ลงเนินชันช้าๆอย่างปลอดภัย

          การเบรกในช่วงเส้นทางขรุขระให้ปลอดภัยนั้นค่อนข้างยากถ้าตัวรถไม่ได้มีตัวช่วยดีๆ แต่เจ้า Revo Rocco มากับตัวช่วยมากมายอย่าง ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti – lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake – force Distribution) และระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ที่คอยชวยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติในสภาวะฉุกเฉิน ทั้งหมดถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับการใช้งาน

           สรุปเจ้าToyota Hilux Revo Rocco ใหม่ ค่อนข้างที่ยอดเยี่ยมและเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป  ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมืองในชีวิตประจำวัน การเดินทางไกลเพื่อท่องเที่ยว หรือแม้แต่การใช้งานในเส้นทางธรรมชาติ แบบ Off Road ยิ่งดูเหมาะสมที่สุด แต่ถ้าตัวรถไม่โดนใจใครตรงจุดไหนก็สามารถปรับแต่งทีหลังได้ตามความต้องการ นี่คือเสน่ห์และเอกลักษณ์ของค่ายนี้เลยที่ไม่เพียบพร้อมแต่ก็ถูกใจคนไทยส่วนใหญ่กันครับ



Tags :

view