Mercedes-Benz : ทดลองขับ E 300 e Avantgarde หนึ่งในกลุ่ม EQ Power เส้นทางกรุงเทพฯ–อยุธยา

Mercedes-Benz : ทดลองขับ E 300 e Avantgarde หนึ่งในกลุ่ม EQ Power เส้นทางกรุงเทพฯ–อยุธยา

         เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟทริป ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Life’s a Journey” ชวนสื่อมวลชนออกเดินทางท่องเที่ยวและร่วมทำกิจกรรม ในเส้นทางกรุงเทพฯ–อยุธยา พร้อมร่วมทดสอบรถยนต์สมรรถนะสูงเมอร์เซเดส-เบนซ์ในกลุ่ม EQ Power อย่าง Mercedes-Benz C 300 e, Mercedes-Benz E 300 e, Mercedes-Benz GLC 300 e, Mercedes-Benz GLC 300 e Coupé และ Mercedes-Benz S 560 e โดยเรา “speedxonline/speedxonairFM89.5” ได้รับเจ้า E 300 e มาเป็นพาหนะสำหรับการเดินทางในครั้งนี้  


          มร. บีเยิร์น กุซเทรา รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “รถยนต์ในกลุ่ม EQ Power นั้นถือเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid เจเนอเรชันที่ 3 โดยมีการพัฒนาขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราเร่ง, ความประหยัด, ระยะทางการใช้งานใน E-MODE รวมไปถึงดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey Mercedes” อันเป็นไฮไลท์สำคัญของระบบมัลติมีเดีย MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ที่พร้อมจะตอบสนองการใช้ชีวิตของคุณได้อย่างรวดเร็วและลงตัวในทุกๆ วัน ในรุ่น Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic และ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé ทั้งนี้รถยนต์ในกลุ่ม EQ Power ยังเพียบพร้อมไปด้วยระบบความปลอดภัยล่าสุดและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีมาให้อย่างครบครัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มหนุ่มสาวและครอบครัวยุคใหม่ที่ชื่นชอบความสะดวกสบาย ความสปอร์ต และท้าทายในทุกการขับขี่”


          สำหรับกิจกรรมในวันนี้ได้ถูกจัดขึ้นในรูปแบบของ One Day Trip ที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ได้เชิญเหล่าสื่อมวลชนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์พร้อมทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ในกลุ่ม EQ Power กัน นอกจากนี้แนวคิด Social Distancing หรือ เว้นระยะห่างทางสังคม ได้ถูกนำมาใช้ในการทดสอบรถครั้งนี้ด้วย โดยทาง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้จัดเตรียมรถยนต์สำหรับสื่อมวลชน 1คัน ต่อ 1สื่อ หน้ากาก Face Shield และสเปรย์แอลกอฮอล์ พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมทำกิจกรรมภายใต้ #UnseenWithEQPower ในเส้นทางกรุงเทพฯ-อยุธยา


Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde

          เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-Benz E 300 e ทั้งมีหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ E 300 e Avantgarde, E 300 e Exclusive และ E 300 e AMG Dynamicทั้งหมดโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 60% และช่วยให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเพิ่มขึ้นอีกด้วย


          E 300 e Avantgarde ดีไซน์ภายนอก ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปท์ Sensual Purity โดดเด่นด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ไฟหน้าแบบ LED High Performance ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ และล้ออัลลอยด์ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว โดยรวมรูปลักษณ์ภายนอกนั้นยังคงหรูหราและดูภูมิฐานอย่างเต็มเปี่ยมตามสไตล์ Mercedes-Benz


          ส่วนดีไซน์ภายใน หรูหราและนั่งสบายด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO เบาะคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งผู้ขับรวมถึงตำแหน่งกระจกมองข้างด้วย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง nappa พร้อมเพาเวอร์ที่ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส (Touch Control button) พร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบแบบ Digital widescreen cockpit ระบบ Audio 20 GPS พร้อมจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว สุดยอดด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี ถือว่าการออกแบบภายในรุ่น E 300 e Avantgarde ก็ยังทำได้ดี การผสมผสานกันของวันสดุภายในค่อนข้างลงตัวและดูหรูหราดี เอกลักษณ์หลายๆอย่างของค่าย Mercedes-Benz ก็มีให้เห็นกันอย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์แผงคอนโซลหน้า ช่องแอร์ รวมถึงปุ่มควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ ตำแหน่งท่านั่งในการขับขี่ถืว่าออกแบบได้ดีสามารถสร้างความสบายและลงตัวให้ทุกคน  


          ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ E 300 e มากับระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ระบบรักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ รวมถึงระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT สะดวกสบายและปลอดภัยไปอีกขั้นด้วยระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Pilot DISTRONIC) รวมไปถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการชนกับรถยนต์ (Blind Spot Assist)


          จุดเด่นอีกอย่างของ E 300 e คือระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ตามที่ต้องการได้ ทั้งควบคุมการส่งกำลัง การตอบสนองของพวงมาลัยระบบปรับอากาศ และฟังก์ชัน Eco Start / Stop เพื่อการประหยัดเชื้อเพลิง ผ่านปุ่ม DYNAMIC SELECT สามารถเลือกได้ 5 รูปแบบการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น โหมด Eco เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง โหมด Comfort เพื่อความนุ่มนวลในการเดินทาง โหมด Sport สำหรับการขับขี่ที่เร้าใจ พร้อมพวงมาลัย Direct Steering ตอบสนองทุกจังหวะการขับขี่ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G -TRONIC) ที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและฉับไว อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความความเร้าใจมากขึ้นด้วยโหมด Sport+ ที่ส่งพละกำลังออกมาอย่างเต็มที่ แถมยังสามารถเลือกโหมด Individual ที่สามารถปรับการทำงานของระบบต่างๆอย่างเป็นอิสระได้อีก ในการทดลองใช้งานในระหว่างการขับขี่สามารถปรับเลือกใช้ได้สะดวกดี โหมดต่างๆสามารถตอบสนองการใช้งานในการขับขี่ได้อย่างชัดเจน จะขับช้าๆแบบปลอดภัยก็ประหยัดพอตัว หรืออยาก “ซิ่ง” ก็ทำได้เร้าใจน้องๆรถสปอร์ต


           Mercedes-Benz E 300 e ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิม 110% รวมกับเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมงหากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์ดบอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด นอกจากนี้รถยนต์ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดใหม่ (9G-TRONIC) ทำให้การขับเตลื่อนมีความนุ่มนวลและลดเสียงรบกวนได้ดี เร่งแซงทันใจ แต่ยังช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น


          มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1,991 ซีซี ที่ให้ พละกำลังสูงถึง 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 4,000 รอบต่อนาที และเมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 320 แรงม้าที่ 4,500 – 5,500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดถึง 700 นิวตันเมตร อัตราเร่ง  0-100 กม./ชม. 5.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด250 กม./ชม. นอกจากนี้ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 46 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้นเอง

Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท





 

Tags :

view