หลังจากเปิดตัวไปไม่กี่วันทาง รอยัล เอ็นฟีลด์ ก็ได้จัดการทดลองขี่เจ้า Royal Enfield Hunter 350 กันอย่างเป็นทางการ โดยการทดลองขี่ครั้งนี้ถือว่า “พิเศษ” ไม่น้อยเนื่องจากเป็นการทดลองขี่ร่วมกับสื่อต่างชาติอีกมากกมายซึ่งทาง “Speedxonline/onairFM89.5” ก็ได้มีโอกาสมาร่วมทดลองขี่ในงานนี้เช่นกัน ซึ่งการทดลองขี่ในครั้งนี้ก็ “พิเศษ”อีกระดับด้วยการขับขี่ในช่วงกลางคืนบนเส้นทางขับขี่ที่ผ่านครบทุกจุดเด่นในกรุงเทพและจังหวัดข้างเคียงกันอย่างนนทบุรี อีกทั้งยังจบด้วยการได้ทดลองขี่ในสนามปิดกันแถวริมทะเลสาบเมืองทองอีกด้วย
Royal Enfield Hunter 350 Metro ที่เป็นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาในสไตล์ย้อนยุคและคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของ รอยัล เอ็นฟีลด์ อย่างเต็มเปี่ยม โครงสร้างออกแบบมาลงตัวสำหรับการใช้งานในเมืองที่เร่งรีบ บนถนนในเมืองที่แออัด และถนนสายรองในชนบทนอกเมืองใหญ่ รูปทรงของ Hunter 350 ได้รับการออกแบบมาให้ความสูงกับน้ำหนักตัวรถสมดุลที่สุด เริ่มแรกที่ได้มาเจอตัวเจ้า Royal Enfield Hunter 350 Metro คันนี้ยอมรับเลยว่ารูปร่างหน้าตาดูสวยงามและลงตัวดีมาก ขนาดตัวรถไม่ใหญ่โตมากนัก ยิ่งมากับเครื่องยนต์ระดับ 350 ซีซี รถหลายๆค่ายจะดูตัวโตกว่านี้อีก ขนาดสัดส่วน ยาว 2,055 มม. กว้าง 1,055 มม. สูง 800 มม.วัสดุภายนอกตัวรถ “ดูดี” เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวแล้วก็ยังเหนือกว่าคู่แข่งหลายๆรุ่น การออกแบบให้ดูคลาสสิกร่วมสมัยไม่ตกยุค
ลองนั่งคร่อมดูพร้อมเอื้อมไปจับที่แฮนด์รู้สึกลงตัวดีมาก จากระยะเทรลที่ปรับปรุงใหม่ ตัวเบาะนั่งชิ้นเดียวที่ยาวและกว้าง เบาะนั่งที่ต่ำลง 800 มม. และระยะฐานล้อที่สั้นลง ทำให้ผู้ขี่รู้สึกมั่นใจไม่รู้สึกว่ารถใหญ่เกินตัว ระยะเอื้อมจับแฮนด์ก็พอดีกับผู้ขี่ระดับ 180 ซม. นิดๆ มุมเอียงเข้าหาตัวรวมถึงความสูงของแฮนด์ก็ยังพอดี ส่วนการวางเท้าที่พื้นก็เต็มเท้าดี ตัวรถรู้สึกเบาแม้น้ำหนักตัวระดับ 179 กก. ก็ตาม ตำแหน่งการวางเท้าอยู่ช่วงกลางตัวรถช่วยให้เขาและเข่าผู้ขี่งอได้องศากำลังสบาย โดยรวมการออกแบบตำแหน่งท่านั่งของผู้ขี่ถือว่าเจ้า Hunter 350 Metro ทำได้ดีมากกว่าที่คิด ยิ่งรู่สึกว่าน้ำหนักส่วนใหญ่ของผู้ขี่ไม่ได้ไปตกที่แฮนด์อย่างพวกรถสปอร์ต หรือตกที่ก้นมากๆอย่างพวกรถครุยเซอร์ ด้วยเลยมั่นใจว่า Hunter 350 Metro คงจะขี่ได้อย่างสบายตัวไม่เมื่อยล้าแน่นอน
สวิทช์อุปกรณ์ต่างที่อยู่บนแฮนด์หน้าตาไม่ล้ำยุค ดูดีเข้ากับตัวรถ กระจกมองหลังทรงกลมคลาสสิกขนาดไม่ใหญ่นักการใช้งานอาจจะไม่เคลียรในบางจังหวะแต่ก็เด่นในการช่วยให้คล่องตัวยามมุดผ่านรถยนต์ในตอนขีในเมือง
กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นมาอย่างง่ายดาย เสียงเครื่องยนต์ดังนุ่มๆไม่มีอาการสั่นจากการทำงาน ลองเบิ้ลคันเร่งรอบเครื่องยนต์ตวัดขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง ไม่รอช้าก็เริ่มออกเดินทางกันเลย แต่ก่อนอื่นขอแจ้งไว้ว่าการทดลองขี่ในครั้งนี้ไม่สามารถใช้ความเร็วกันได้มากนั้นเพราะมีฝนตกกันตลอดทั้งคืน การทดลองขี่เลยต้องว่ากันไม่เร็วมากเพื่อความปลอดภัยเป็นหลักกัน มือบีบคลัทช์ เท้าซ้ายตบเกียร์ ปลอยคลัทช์ออกตัว Hunter 350 Metro คันนี้ทำได้ง่ายและนุ่มนวล แทบจะไม่ต้องกลัวปล่อยคลัทช์แล้ว “ดับ” กันเลยทีเดียว
การออกตัวช่วงแรกทำได้ทันใจ อัตราเร่งมาแบบนุ่มนวลไม่กระชาก แต่ก็สามารถชิงจังหวะไฟเขียวออกตัวเป็นหัวแถวได้เหมือนกัน เข้าเกียร์ 2 อัตราเร่งยังคงดีอยู่ สามารถไต่ความเร็วขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งจังหวะชะลอรถก็ยังสามารถคงตำแหน่งเกียร์นี้ได้จนบิดคันเร่งไปต่อได้อย่างสบาย โดยเฉพาะการขี่ในเมืองที่การจราจรคับคั่งสามารถเลือกใช้เกียร์ 2 นี้ที่มีการทำงานที่กว้าง ทั้งเร่งและชะลอความเร็วโดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆอย่างรถหลายๆรุ่นเลย เครื่องยนต์ ตระกูล J-series สูบเดียวที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังสูงสุด 20.2 แรงม้า ที่ 6,100 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุด 27 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา 5 สปีด สามารถช่วยให้การขับขี่มีความคล่องตัวสูง เร่งแซงนุ่มนวลและทันใจ
ช่วงล่างช็อคอับฯหน้าแบบเทเลสโคปิก แกน 41 มม. ช่วงยุบ 130 มม. ส่วนด้านหลังแบบช็อคอับคู่ ช่วงยุบ 102 มม. ปรับความแข็งสปริงได้ 6 ระดับ ชุดนี้ช่วยซับแรงกระแทกจะพื้นถนนที่ขี่ผ่านได้ดีมาก นุ่มนวลยามผ่านทางขรุขระ แถมไม่กระแทกเวลาเจอขอบรอยต่อของถนนด้วย ยิ่งบางจังหวะต้องขี่ผ่านเนินชะลอความเร็วผู้ขี่สามารถยืนขี่ผ่านเนินชะลอความเร็วไปได้อย่างนุ่มนวลและมั่นคงไม่มีเสียอาการแต่อย่างใด อันนี้ต้องยอมรับด้วยท่าทางที่ทาง Hunter 350 Metro ออกแบบได้อย่างลงตัว แม้แต่ช่วงที่ต้องมีการยืนขี่ก็สามารถจัดท่าได้ง่ายและเหมาะสมได้อย่างดีเยี่ยม
ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์เบรกจานเดี่ยวขนาด 300 มม. คาลิเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS ส่วนด้านหลังเป้นแบบดิสก์เบรกจานขนาด 270 มม. คาลิเปอร์แบบ 1 ลูกสูบ ซึ่งดูแล้วหน้าตาธรรมดาแต่ประสิทธิภาพการชะลอความเร็วทำได้ดี ยิ่งขับขี่บนถนนที่เปียกก็ยังสามารถเบรกได้อย่างมั่นใจดี แต่รู้สึกว่ามือเบรกด้านบนจะรู้สึก “ตึง” ไปหน่อย เวลาใช้นิ้วมือบีบอาจจะต้องใช้แรงมากหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก
การทรงตัวสามารถพลิกเข้าโค้งซ้าย-ขวาได้อย่างเชื่องมือ การบังคับควบคุมง่าย การมุดผ่านรถยนต์บนท้องถนนคล่องตัว เบาแรง โค้งกว้างๆหรือโค้งแคบๆก็มั่นใจยิ่งบอกกับท่านั่งที่ลงตัวแถมกำลังเครื่องยนต์มีให้ใช้แบบกว้างๆเลยสามารถขับขี่ใช้งานได้สะดวกสบายทุกวัน การออกแบบตัวรถกระจายน้ำหนักดี การเข้าโค้งตัวรถเลยมีอาการเป็นกลางทำให้ขี่ง่ายอีกหนึ่งรุ่น ยิ่งสาวๆนักบิดยิ่งน่าจะชอบเจ้า Hunter 350 Metro คันนี้ไม่น้อย
ล้อในรุ่น Hunter 350 Metro มาเป็นแบบอลูมิเนียมอัลลอย ขอบ 17 นิ้ว ขนาดยางหน้า 110/70-17 ส่วนยางหลังขนาด 140/70-17 ถือว่าขนาดกำลังดีกับการใช้งาน ส่วนในการขับขี่ในสภาพถนนที่มีน้ำท่วมขังเพราะฝนตกยังถือว่ามีประสอทธิภาพที่ดี ไว้ใจได้ อาการลื่นหรือปัดเป๋มีให้รู้สึกน้อยมากอย่างประหลาดใจ
ส่วนการขับขี่ในสนามเปิดเจ้า Hunter 350 Metro ก็ยังสามารถขับขี่ได้ดี การพลิกรถเข้าโค้งซ้าย-ขวาเบาแรง การถ่ายเทน้ำหนักตัวรถดี อาการในโค้งเป็นกลาง ขี่เข้าโค้งได้ง่ายทั้งโค้งกว้างและแคบ การเข้าออกโค้งมาแนวนุ่มนวลไม่ดุดัน แต่ก็ทันใจไม่อืดอาดอย่างที่คิด ตำแหน่งท่านั่งกลางๆช่วยให้ขี่ได้อย่างสบายเข้าโค้งง่าย ช่วงล่างถือว่าไม่มีปัญหาแม้ต้องเจอโค้งสลับไปมาอย่างต่อเนื่อง การทรงตัวนิ่งไม่มีเสียอาการแม้ต้องเร่งแล้วเบรกแรงๆก่อนเข้าโค้งบางจังหวะก็ตาม กำลังมีให้ใช้กว้างๆไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ถี่ๆยามเข้าหรือออกโค้งแถมอัตราทดยังต่อเนื่องใช้ได้ ช่วยให้มีกำลังในการออกโค้งได้แม้ในรอบเครื่องยนต์ต่ำก็ตาม
สรุปเจ้า Royal Enfield Hunter 350 Metro ราคาจับต้องได้ แถมตัวรถก็ยังใช้วัสดุดูดีมีคุณภาพไม่น้อย สมรรถนะก็ยังดีเยี่ยมทั้งในเมืองและเดินทางนอกเมือง ท่านั่งดีนั่งสบาย ช่วงล่างเซ็ทมานุ่มนวลและหนึบกำลังดี โดยรวมถือว่าเป็นรถจักรยานยนต์ในคลาส 350 ซีซี ที่ดูคุ้มค่าที่สุดในท้องตลาดแล้ว