ทดลองขับ Toyota GR Yaris รถสปอร์ตสายพันธุ์แข่ง ใน สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

ทดลองขับ Toyota GR Yaris รถสปอร์ตสายพันธุ์แข่ง ใน สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

        หลังจากเปิดตัวและส่งมอบ GR Yaris ล็อตแรกสู่ลูกค้า ตั้งแต่เดือน เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เรา “Speedxonline/onairFM89.5” ก็ได้มีโอกาสทดลองขับเจ้า Toyota GR Yaris กัน โดยครั้งนี้พิเศษกว่าด้วยการทดลองขับกันในสนามแข่งขันระดับโลก “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต” ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด” ที่ได้จัดมาให้ลองขับกัน


         Toyota GR Yaris เป็นรถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตรุ่นพิเศษ ที่ผลิตขึ้นโดย “GR factory” ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโตโยต้า ภายใต้กระบวนการผลิตที่พิถีพิถันโดยผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการผลิตรถยนต์ (Takumi) ตัวรถเป็นแบบ Hatchback 3 ประตู ขนาดกระทัดรัด มีมิติภายนอก ยาวxกว้างxสูง 3,995 x 1,805 x 1,455 มม. ความยาวช่วงล้อ 2,560 มม. ความกว้างช่วงล้อ หน้า/หลัง 1,536 / 1,572 มม. ระยะต่ำสุดจากพื้น 124 มม. ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ       ดับเบิ้ลวิชโบน ระบบเบรกหน้า-หลังเป็นแบบ ดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน ระบบบังคับเลี้ยวเป้นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.3 ม.ขนาดล้อ 18 นิ้วและยาง 225/40 R18 เท่ากันทั้ง 4 ล้อ




         GR YARIS ใช้ขุมพลังใหม่ล่าสุดเป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส G16E-GTS แบบแถวเรียง 3 สูบ เทอร์โบ DOHC 12 วาล์ว ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก   87.5 x 89.7 มม.อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1 ปริมาตรกระบอกสูบ 1,618 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 261 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 3,000-4,600 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ iMT (Intelligent Manual Transmission) และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 230 กม./ชม. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด (GR-FOUR sports 4WD system) ซึ่งควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพถนนและสไตล์การขับขี่ รวมถึงยังควบคุมการขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลัง ได้ถึง 3 รูปแบบ

   - โหมด Normal สำหรับการขับขี่ปกติ แรงบิดจะถูกกระจายไปยังล้อหน้า 60% และล้อหลัง 40%

   - โหมด Sport สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต แรงบิดจะถูกกระจายไปยังล้อหน้า 30% และล้อหลัง 70%

   - โหมด Track สำหรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงหรือในสนามแข่ง แรงบิดจะถูกกระจายไปยังล้อหน้า 50% และล้อหลัง 50% อย่างสมดุล



            สัมผัสแรกที่เจอตัว GR YARIS ดูแล้วได้รับการถ่ายทอดความร้อนแรงมาจากตัว Yaris WRC แชมป์ในการแข่งขัน World Rally Championship มาอย่างเต็มที่ ตัวรถสไตล์ Hatchback 3 ประตู ที่คล่องตัวเหนือกว่ารถสไตล์ซีดานในการแข่งขัน WRC ยุคหลังๆนี้ หน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอกดู “ซิ่ง” แตกต่างจาก Yaris ที่ขายในบ้านเราอย่างสิ้นเชิง  เปิดประตูเข้าไปนั่งในที่นั่งตำแหน่งคนขับแลดูคล้าย cockpit ของรถแข่งอยู่ไม่น้อย ทัศนวิสัยด้านหน้ากับด้านข้าง “โอเค” มองได้สะดวก ส่วนก้านท้ายจะค่อนข้างมองลำบากสักหน่อย แต่ “รถซิ่ง” คงเน้นมุมมมองด้านหน้าเป็นหลักอยู่แล้ว ตัวเบาะ bucket seat กระชับร่างกายดี แถมยังสามารถปรับได้หลายระดับด้วยมือไม่ใช่ระบบไฟฟ้า พวงมาลัย 3 ก้าน ขนาดพอเหมาะ จับได้เต็มมือดี คันเกียร์ทรงกลมพร้อมบอกทิศทางเกียร์ด้านบนสุด เกียร์เดินหน้า 6 สปีด ส่วนเกียร์ถอยหลังต้องดึงปุ่มปลดล็อคแล้วจึงโยกออกด้านซ้ายตอนใช้งาน ถัดไปดานบนใกล้ๆกันเป้นปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่จัดวางให้ใช้งานได้อย่างสะดวก แป้นหยียบคลัทช์รู้สึกน้ำหนักนุ่มนวลกำลังดีน่าจะสามารถขับใช้งานทุกๆวันได้อย่างสบายๆ




            สตาร์ทเครื่องเสียงเครื่องยนต์ไม่ดังมากนักถือว่าดูสุภาพดี ลองเบิ้ลเครื่องรอบการทำงานตวัดได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วดี ในการทดลองขับในสนามฯครั้งนี้ทาง Toyota ได้ให้ลองที่โหมด Track ที่กระจายแรงระหว่างล้อน้า-หลังแบบ 50/50 กันเลย เริ่มการทดลองขับเหยียบคลัทช์แล้วเข้าเกียร์ 1 จากนั้นถอดคลัทช์พร้อม “อม” คันเร่งไว้หน่อย GR YARIS ก็พุ่งตัวออกไป แต่ไม่กระชากแรงมากเหมือนพวกรถซิ่งหรือรถแข่งเต็มตัว ขับช้าๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับตัวรถช่วง Pit Lane สักหน่อย ออกสู่แทรคก็สามารถกดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วได้ จังหวะเข้าเกีนร์ 2 ความเร็วพุ่งขึ้นอย่างไว กำลังและแรงบิดก็ออกมาดึงตัวรถให้พุ่งไปข้างหน้าอย่างแรง อาการล้อฟรีช่วงกดคันเร่งไม่มีเป็นข้อดีของการขับเคลื่อนแบบ 50/50 ตัวไม่สูญเสียกำลังและอัตราเร่งอย่างรถขับหน้าหรือขับหลังเพียวๆ สับเข้าเกียร์ 3 ตัวรถยังกระชากตัวเองพุ่งไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นอีก ยันเข้าเกียร์ 4 ความเร็วค่อนข้างสูงมากแล้วตัวรถยังคงนิ่งและมั่นคง เชนเกียร์ลงเพื่อเข้าโค้งขวา GR YARIS สามารถ “จิก” เกาะโค้งได้อย่างมั่นคงและออกโค้งได้อย่างรวดเร็ว อาการของรถเป็นกลางมากไม่มีอาการ โอเวอร์ หรือ อันเดอร์สเตียร์ ให้เห็นเลย โค้งแคบหรือกว้างในสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ดูขับง่ายไปเลย



            ช่วงออกโค้งสามารถ “เติม” คันเร่งไปได้อีกเพราะเริ่มมั่นใจกับการ “เกาะ” ของเจ้า GR YARIS คันนี้ ต่อด้วยโค้งซ้าย 2 โค้งติดกันหลังจาก “กด” ช่วงทางตรงสั้นๆมา จัดการเบรกเพื่อลดความเร็วก็สามารถ “ดึง” ตัวรถให้ชะลอความเร็วได้ดั่งใจ ลดมาที่เกียร์ 2 เพื่อเข้าโค้งมุมแคบ สามารถบังคับพวงมาลัยควบคุมตัวรถให้ตัดโค้งได้อย่างแม่นยำ ช่วงล่างปรับเซ็ทมาให้ขับได้อย่างสนุกและสามารถเกาะโค้งแบบ “เอาอยู่” ทุกความเร็ว แต่มีปัญหาเล็กน้อยเวลาขับเข้าโค้งแคบ “ศอก” ผู้ขับมักจะติดกับ “ปีกข้าง” ของตัวเบาะจนรู้สึกบังคับควบคุมได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก



         ผ่านโค้งขวาก่อนทางตรงสามารถ “ล่ง” ตัวรถเพื่อความเร็วช่วงทางตรง ลากรอบสุดประมาณ 6,000 เพื่อเปลี่ยนเกียร์ 3-4-5 สุดทางตรง เหลือบไปดูมาตรวัดความเร็วได้หน่อยนึง เข็มวัดไปชี้ตัวเลขเกือบๆ 200 กม./ชม. ก็ถอนเท้าจากคันเร่งเพื่อมาเหยียบเบรก ลดเกียร์จาก 5-4-3 ลงมาที่เกียร์ 2  ตัวรถยังคงเกาะโค้งได้อย่างมั่นคงเหมือนเดิม หักเลี่ยวพวงมาลัยบังคับตัวรถจนออกโค้งจึงกดคันเร่งพร้อมไล่เกียร์ขึ้นไปเรื่อยๆและขับตามเส้นทางเดิมในสนามได้อีก 1 รอบ ลองเพิ่มความเร็วจากรอบแรกขึ้นไปอีกก็ยังผ่านโค้งต่างๆได้อย่างยอดเยี่ยมการบังคับควบคุมคล่องและฉับไวทุกโค้ง ช่วงล่างเกาะได้ดีแต่ยางที่ติดรถมาเริ่มมีอาการ “สไลด์” ให้รู้สึกบ้างเล็กน้อย ขับได้สนุกไม่นานก็ต้องพาตัวเองเข้า Pit Lane เป็นอันจบการลองขับในสนามกัน



       สรุป GR YARIS คันนี้ตัวรถสามารถไปได้เร็วเท่าที่ผู้ขับต้องการ กำลังของเครื่องยนต์แรงพอตัว ขับง่าย สามารถเข้าและออกโค้งได้ “เนียน” ไม่ “เหี้ยมเกรียม” และ “ก้าวร้าว” อย่างพวกรถแข่งหรือรถสปอร์ตแรงสูง การใช้งานในเมืองสามารถขับได้ทุกวันแถมยังสามารถ “ซิ่ง” ได้ในบางโอกาส ช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนก็ยังยอดเยี่ยม แต่ปัญหามีอยู่อย่างเดียวมีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้แล้วครับตอนนี้.....

 

 

Tags :

view