จักรยานพาหนะพลังคน (ตอน 2)

จักรยานพาหนะพลังคน (ตอน 2)

                หลังจากได้รู้จักหน้าตาของจักรยาน 2 ประเภทแรกที่ยอดนิยมสุดๆในบ้านเรากันไปแล้ว ก็ขอต่อด้วยจักรยานประเภทอื่นๆที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน อีกทั้งยังบางรุ่นยังสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียว ซึ่งจักรยานเหล่านี้สามารถเลือกซื้อหามาใช้งานกันได้ไม่ยากเย็นนัก ดังนั้นควรเลือกซื้อจักรยานมาใช้งานให้ตรงจุดประสงค์มากที่สุดจะดีกว่า หรือใครมีทุนทรัพย์มากหน่อยหรือไม่มีปัญหากับทางบ้าน ก็จัดการเลือกรถจักรยานมาครอบครองให้ครบทุกๆการใช้งานก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียวนะครับ

“จักรยานไฮบริด” (Hybrid Bike)

จักรยาน “ไฮบริด” แปลง่ายๆ คือ จักรยาน “ลูกผสม” นั่นเอง โดยจะเป็นการผสมกันระหว่างจักรยานเสือหมอบกับจักรยานเสือภูเขา ซึ่งทำให้จักรยานแบบนี้สามารถใช้งานได้ครอบคลุมและหลากหลายมาก ไม่ว่าจะใช้งานบนท้องถนนเรียบๆหรือเส้นทางขรุขระแถบชานเมืองหรือชนบท เนื่องจากโครงสร้างกับส่วนประกอบของตัวรถได้ถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรง และทนทาน

ลักษณะของจักรยานแบบ “ไฮบริด” ตัวโครงสร้างหรือเฟรมนั้นถูกออกแบบมาให้แข็งแรงใกล้เคียงกับเสือภูเขา ส่วนน้ำหนักก็จะใกล้เคียงกับเสือหมอบ ด้านหน้าจะมีทั้งแบบตะเกียบเหมือนเสือหมอบกับแบบช็อคอับเหมือนเสือภูเขาให้เลือกใช้กัน ส่วนขงแฮนด์บังคับเลี้ยวจะเป็นแบบตรงเช่นเดียวกับเสือภูเขา ระบบขับเคลื่อนกับระบบเบรกจะใช้แบบเดียวกับเสือภูเขา ล้อหน้า-หลังใช้แบบวงล้อกว้างสไตล์เดียวกับเสือหมอบ ส่วนราคาค่าตัวส่วนใหญ่จะไม่สูงมากนัก ทำให้จักรยานประเภทนี้เหมาะสำหรับเอามาใช้งานทั่วๆไปไม่ว่าจะปั่นออกกำลังกาย ปั่นไปซื้อของปากซอย หรือแม้กระทั่งปั่นไปทำงานทุกๆวันก็ยังได้


“จักรยานทัวร์ริ่ง” ( Touring Bike)

                จักรยานทัวริ่งนั้นเน้นการใช้งานระยะทางไกลมากหรือเดินทางข้ามประเทศ ลักษณะของตัวรถจะมีหน้าตาคล้ายกับจักรยานเสือหมอบ แต่ถูกออกแบบให้แข็งแรงกว่ามากในทุกๆส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวเฟรมที่ใช้วัสดุเหล็กหรืออลูมิเนียมเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้ เช่นตะแกรงหน้า-หลังสำหรับบรรทุกสัมภาระเวลาเดินทางไกล ระบบขับเคลื่อนก็ยังถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน ส่วนของล้อหน้า-หลังก็ยังแข็งแรงเพื่อการรับน้ำหนักที่มากเป็นพิเศษ ในส่วนของตำแหน่งการขับขี่รถจักรยานทัวร์ริ่งนั้น ถูกออกแบบมาให้ผู้ปั่นนั่งได้อย่างสบาย ไม่เมื่อยล้า เพื่อการใช้งานบนเส้นทางที่ยาวไกล ข้อเสียอย่างหนึ่งของรถจักรยานทัวร์ริ่งนี้คือน้ำหนักรวมของตัวรถที่มากเป็นพิเศษนั่นเอง ดังนั้นจักรยานทัวร์ริ่งนี้เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่มีจุดประสงค์ต้องการรถเพื่อเดินทางไกลอย่างแท้จริงประเภทค่ำไหนนอนนั่น ข้ามจังหวัดหรือข้ามประเทศกันเลยทีเดียวครับ

“ไซโครครอส” ( Cyclo Cross)

จักรยาน “ไซโครครอส” ถือว่าเป็นจักรยานรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั่วโลก ยิ่งตามประเทศแถบยุโรปการแข่งขันจักรยานแบบ “ไซโครครอส” นั้นกำลังได้รับความนิยมมากเลยทีเดียว ตัวของรถจักรยานถูกออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายกับจักรยานเสือหมอบทั่วๆไป แต่เพิ่มฟังค์ชั่นการใช้งานบนเส้นทางขรุขระเข้าไป ลักษณะของจักรยาน “ไซโครครอส” ส่วนใหญ่จะดูเหมือนจักรยานเสือหมอบ แต่ระบบขับเคลื่อนจะถูกออกแบบให้มีอัตราทดที่เหมาะสมกับใช้งานบนเส้นทางที่ขรุขระเป็นพิเศษ อีกทั้งในส่วนของยางที่ใช้ก็แตกต่างจากเสือหมอบ โดยเปลี่ยนไปใช้ยางที่มีดอกเป็นบล็อกสไตล์เดียวกับเสือภูเขา ระบบเบรกก็จะใช้แบบดิสก์เหมือนกับเสือภูเขาอีกเช่นกัน จุดเด่นของ “ไซโครครอส” นั้นคือบนถนนเรียบๆก็ยังสามารถทำความเร็วได้สูงใกล้เคียงเสือหมอบ พอไปเจอเส้นทางที่ขรุขระ(ไม่มากนัก)ก็ยังสามารถวิ่งต่อไปได้ แต่ต้องไม่ “ลุย” หนักจนเกินไปเพราะรถประเภทนี้ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่เหมือนกัน ใครต้องการรถจักรยานที่สามารถทำความเร็วได้สูงน้องๆเสือหมอบ แถมบางจังหวะบางเวลาสามารถลุยได้ด้วย “ไซโครครอส” น่าจะพอตอบโจทย์ได้นะครับ

“มินิไบค์” (Mini Bike)

                จักรยานประเภทนี้จะมีลักษณะเหมือนกับจักรยานทั่วๆไป แต่มีขนาดสัดส่วนที่เล็กลงมา อย่างตัวเฟรมก็จะมีขนาดที่เล็ก ส่วนล้อที่ใช้ก็จะย่อลงไปเป็นขนาด 20 นิ้วเท่านั้น ระบบขับเคลื่อนรวมถึงส่วนประกอบอื่นๆจะเหมือนกับจักรยานทั่วๆไป ซึ่งสามารถนำมาใช้กับ “มินิไบค์” ได้ โดยมีทั้งแบบแฮนด์เสือหมอบและแฮนด์ตรงแบบเสือภูเขา ถ้าเป็นมินิไบค์สายความเร็วระบบขับเคลื่อนกับระบบเบรกก็จะยกเอาของจักรยานเสือหมอบมาใช้ทั้งหมด ส่วนถ้าเป็น “มินิไบค์” สำหรับปั่นใช้งานทั่วไประบบขับเคลื่อนกับระบบเบรกจะเอาของจักรยานเสือหมอบมาใช้แทน จุดเด่นของมินิไบค์คือความคล่องตัวในการใช้งาน อีกทั้งยังสามารถทำความเร็วได้ไม่น้อย ดังนั้นถ้าต้องการจักรยานที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน ว่องไว คล่องตัวยามขับขี่ “มินิไบค์” เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว


 “จักรยานพับ” (Folding Bike)

                “จักรยานพับ” จักรยานประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในบ้านเรา แถมความนิยมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเสือหมอบกับเสือภูเขาเลย มักเป็นจักรยานคันแรกที่ผู้สนใจเลือกซื้อมาเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะนักปั่นในเมืองใหญ่ที่ต้องมี “จักรยานพับ” ติดรถและติดบ้านไว้เสมอ เนื่องจากตัวจักรยานพับนั้นมีจุดเด่นคือสามารถพับได้หลายจุด จนมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก ทำให้สามารถนำติดตัวไปใช้งานในที่ต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะนำติดตัวขึ้น-ลงรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน นำใส่ไว้ในตอนท้ายของรถยนต์ไปไหนมาไหนก็สะดวก หรือแม้แต่ปั่นจักรยานพับไปทำงานก็ยังสามารถพับแล้วเอาเข้าที่ทำงานได้สบาย

จักรยานประเภทพับได้นี้มีมากมายหลายแบบ แต่หลักๆก็คือตัวรถสามารถพับจนมีขนาดเล็กกว่าเดิมได้นั่นเอง ลักษณะของจักรยานพับทั่วๆไปจะมีจุดที่พับได้ โดยใช้กลไกที่แตกต่างกันแล้วแต่ผู้ผลิต ส่วนใหญ่จะพับในส่วนของเฟรมและส่วนของคอแฮนด์ด้านหน้าซึ่งดูแล้วจะได้รับวามนิยมใช้กันในหลายๆยี่ห้อ ผู้ที่สนใจหาเจ้า “จักรยานพับ” มาใช้งานควรเลือกที่ระบบการพับ ราคาค่าตัว และวัสดุของตัวถัง สุดท้ายที่สำคัญคือน้ำหนักของตัวรถควรเลือกที่น้ำหนักไม่สูงมากไว้ก่อนเพื่อความสะดวกสบายยามขนย้ายไปตามที่ต่างๆครับ


“จักรยานฟิกเกียร์”(Fixed Gear)

                จักรยานประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยรุ่นในบ้านเรา ตัวรถจะมีตัวถังคล้ายๆกับจักรยานทั่วๆไปแต่จะไม่มีระบบเกียร์กับระบบเบรก โดยการส่งกำลังจะมีแค่จานหน้า โซ่ และเฟืองหลังเท่านั้น แถมเฟืองหลังยังไม่มีระบบ “ฟรี” เหมือนจักรยานทั่วๆไปอีกด้วย ส่วนระบบเบรกก็ไม่มีดังนั้นการเบรกจะใช้วิธีหยุดการปั่นที่ขาหรือใช้เท้าเบรกที่ล้อแทน การปรับแต่งวัยรุ่นก็จะเน้นสีสันที่สวยงามตามสไตล์ของตัวเองได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังเอาจักรยานฟิกเกียร์นี้ไปเล่นท่าแบบเอ็กซ์ตรีมได้อีกด้วย ดังนั้นจะเห็นจักรยานฟิกซ์เกียร์ที่วัยรุ่นปั่นกับบนท้องถนนกันอย่างหนาตาเลยทีเดียว


“จักรยานซิงเกิล สปีด”(Single Speed)

                จักรยานประเภทนี้หน้าตาจะเหมือนกับจักรยานฟิกซ์เกียร์ แต่มีการปรับเปลี่ยนให้เฟืองหลังสามารถปล่อยฟรีได้ เวลาปั่นใช้งานผู้ขี่สามารถหยุดปั่นเพื่อเป็นการพักขาได้นั่นเอง ส่วนระบบเบรกก็ได้มีการติดตั้งไว้ให้ใช้งานทั้งด้านหน้าและหลัง ทำให้การใช้งานจักรยานประเภท “ซิงเกิล สปีด” มีความสะดวกสบาย แถมยังสามารถตกแต่งเพิ่มเติมได้ง่ายเช่นเดียวกับจักรยานฟิกเกียร์ด้วย


“จักรยานบีเอ็มเอ็กซ์” (BMX)

                BMX เป็นที่รู้จักกันอย่างมากในกีฬาแบบเอ็กซ์ตรีม ที่ผู้ขี่สามารถเล่นท่า กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ได้อย่างสวยงาม สมัยเด็กๆแทบทุกคนคงต้องได้ลิ้มรสความสนุกสนานตอนจับเจ้า BMX คู่ใจออกปั่นกับเพื่อนๆทุกวัน มาถึงปัจจุบันนี้จักรยาน BMX ยังได้ถูกบรรจุเข้าเป็นการแข่งขันจักรยานประเภทหนึ่งแล้ว โดยจะเห็นได้ว่ามีการแข่งจักรยาน BMX อย่างแพร่หลายทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ  จักรยาน BMX มีจุดเด่นคือมีขนาดสัดส่วนที่เล็ก แต่มีโครงสร้างที่แข็งแรง ตัวรถมีส่วนประกอบไม่มาก ทำให้ตัวรถที่น้ำหนักที่เบา ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ควบคุมง่าย ซึ่งจักรยาน BMX จึงเหมาะกับการนำมาขี่เล่นๆเท่านั้น ถ้าเอามาใช้เดินทางในชีวิตประจำวันจะลำบากไปสักหน่อยครับ


“จักยานแม่บ้าน”

                จักรยานประเภทนี้จะคุ้นเคยที่สุดในบ้านเรา เนื่องนิยมขี่กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ไม่ว่าจะเป็นขี่ไปธุระปากซอย ขี่ไปซื้อของที่ตลาด หรือแม้กระทั่งขี่ไปรับบุตรหลานที่โรงเรียน จักรยานแม่บ้านมีลักษณะเด่นคือใช้งานง่าย ตำแหน่งการขับขี่สะดวกสบาย อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริงเพื่ออำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ตะกร้าหน้า ตะแกรงท้าย และที่นั่งซ้อนด้านหลัง แถมยังสามารถติดตั้งที่นั่งเด็กเล็กเสริมเข้าไปได้อีก โครงสร้างของรถจักรยานแม่บ้านตรงกลางจะออกแบบให้โค้งเว้า แข็งแรง อีกทั้งแฮนด์ยังโค้งเข้าหาตัวผู้ขี่เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน จักรยานแม่บ้านบางรุ่นยังมีการติดตั้งระบบเกียร์เพื่อช่วยให้การขับขี่เบาแรงและคล่องตัวขึ้นไปอีกด้วย


“จักรยานไฟฟ้า”  (Electric Bike)

               

จักรยานไฟฟ้าโดยทั่วๆไปจะมีหน้าตาเหมือนกับจักรยานประเภทอื่นๆ แต่ได้มีการดัดแปลงติดตั้งระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพิ่มเข้าไป โดยมีมอเตอร์ แบตเตอรี่ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์เป็นส่วนประกอบ ทำให้การใช้งานผู้ขี่จะมีความสะดวกสบายมากขึ้นจากการที่มีระบบไฟฟ้ามาช่วยผ่อนแรง โดยมอเตอร์จะช่วยในการขับเคลื่อนแทนแรงของผู้ขี่ ส่วนเวลาผู้ขี่ออกแรงปั่นจักรยานเองก็จะมีการชาร์จไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ไว้เป็นพลังงานในการใช้ครั้งต่อๆไป แต่จักรยานไฟฟ้านี้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่ ดังนั้นในบ้านเราเรื่องความนิยมในการใช้งานจึงยังเป็นรองจักรยานประเภทอื่นๆพอสมควร 

 

 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view